เรื่องมันมีอยู่ว่า......
ผม: แม่ ปุ้ยไปสมัครเรียนโทต่อนะ
แม่: จะไปเรียนอีกทำไม
จบโทมาแล้วใบนึงทำไมไม่หางานทำ
ผม:
ที่ไต้หวันเค้าให้ทุนไปเรียนฟรีหน่ะแม่ ถือว่าฝึกภาษาจีนด้วย
ได้ทั้งใบปริญญาได้ทั้งภาษาเลย เนี่ยะอีกหน่อยจะทำธุรกิจในเอเชีย
สมัยนี้เค้าใช้ภาษาจีนกันทั้งนั้น
แม่: มันก็จริงอยู่นะ
แต่ลูกจะทำอะไรต่อหลังจากเรียนจบหล่ะ?
ผม: ยังไม่รู้อ่ะแม่
เดี๋ยวไปเรียนแล้วคงคิดออก
แม่: ……..(เอาลูกว่าละกันวะ)
นี่คือบทสนทนาปฐมบทของเรื่องราวซึ่งเป็นที่มาของบล็อคนี้
(ซึ่งตอนที่ผมเชียนอยู่นี้ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นบล็อคได้กับเค้ารึเปล่า)
จากประสบการณ์ที่แห้วจากทุนไปแลกเปลี่ยนญี่ปุ่นเมื่อสมัยครั้งยังเรียนปริญญาตรี
แล้วทางพี่บุคลากรคณะได้ส่งข้อเสนอดามใจมาว่ามีโครงการไปแลกเปลี่ยนที่ไต้หวัน 3 เดือนตอนช่วงฤดูร้อนระหว่างที่กำลังเรียนปริญญาโทอยู่
ซึ่งมีคำถามที่อยู่ในใจผมมาตลอดตั้งแต่เอนท์ติดว่า…..
..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
กุเรียนจบแล้วทำอะไรกับชีวิตต่อดีฟระ!!!??
ผมมั่นใจว่าพี่ๆน้องๆ อย่างน้อยซักครั้งหนึ่งอาจจะเคยประสบปัญหาแบบว่า ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเรียนคณะอะไร
ซึ่งมักจะสงสัยในช่วงตอนเรียนอยู่ชั้นม.ปลาย เราจะเริ่มเห็นเพื่อนๆแต่ละคนมีแนวทางที่ตัวเองชอบหรือถนัดผุดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด ยิ่งชัดถ้าดูจากกลุ่มนักเรียนสายวิทย์ ที่บางคนจะมีแววท็อปเคมี ชีวะ ฟิสิกส์ สำหรับสายศิลป์ (ผมเรียนศิลป์-คำนวนครับ) จะมีพวกยอดมนุษย์ที่เก่งและเชี่ยวชาญภาษาต่างๆเริ่มฉายแววให้เพื่อนๆและครูบาอาจารย์ได้ยลโฉมและได้ปั้นกันเป็นผู้เป็นคนถ้วนหน้า
แต่สำหรับเด็กที่อยู่ในกลุ่ม "เป็ด" ซึ่งเรียนอะไรมันก็เรียนได้ แต่เกรดก็จะเส้นคงวาโดยตลอดอย่างผมแล้วนั้น ยิ่งใกล้เวลายื่นทุนสมัครเรียน สอบโควต้า หรือว่าสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี่ยิ่งอยู่ในอารมณ์ คิดไม่ออก บอกไม่ถูกอย่างเต็มทรวง เพราะไม่รู้ว่าอีกหน่อย ถ้าเรียนไปไม่ชอบจะถอนตัวม้วนหน้าเปลี่ยนสาขาขึ้นมา จะบอกบุพการีกันอีท่าไหน
สุดท้ายผมจึงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ครับ ซึ่งที่บ้านก็เห็นดีเห็นงาม คิดว่าลูกชายคงอยากตามรอยเสด็จพ่อที่ทำงานธนาคารอยู่ ณ ตอนนั้น แต่จริงๆนะเรอะ? ไม่ใช่ว่าเพราะผมเก่งเลขนะ แต่ฟังเค้าว่า จบเศรษฐศาสตร์มันเอาไปประยุกต์ใช้ได้กับหลายแขนงก็เลยไปเรียนมันเนี่ยะแหล่ะ!!!!
แต่สำหรับเด็กที่อยู่ในกลุ่ม "เป็ด" ซึ่งเรียนอะไรมันก็เรียนได้ แต่เกรดก็จะเส้นคงวาโดยตลอดอย่างผมแล้วนั้น ยิ่งใกล้เวลายื่นทุนสมัครเรียน สอบโควต้า หรือว่าสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี่ยิ่งอยู่ในอารมณ์ คิดไม่ออก บอกไม่ถูกอย่างเต็มทรวง เพราะไม่รู้ว่าอีกหน่อย ถ้าเรียนไปไม่ชอบจะถอนตัวม้วนหน้าเปลี่ยนสาขาขึ้นมา จะบอกบุพการีกันอีท่าไหน
สุดท้ายผมจึงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ครับ ซึ่งที่บ้านก็เห็นดีเห็นงาม คิดว่าลูกชายคงอยากตามรอยเสด็จพ่อที่ทำงานธนาคารอยู่ ณ ตอนนั้น แต่จริงๆนะเรอะ? ไม่ใช่ว่าเพราะผมเก่งเลขนะ แต่ฟังเค้าว่า จบเศรษฐศาสตร์มันเอาไปประยุกต์ใช้ได้กับหลายแขนงก็เลยไปเรียนมันเนี่ยะแหล่ะ!!!!
หลังจากที่เรียนไปได้สักปีสองปี ทางคณะก็จะมีการประชาสัมพันธ์ทุนแลกเปลี่ยนต่างๆ ให้เราไปแลกเปลี่ยนกันเพื่อที่จะได้หาประสบการณ์นอกห้องเรียนมาใส่ตัว สำหรับผมในช่วงนั้นจึงถือเป็นโมเม้นท์แบบ เอาวะ ในเมื่อไม่รู้ว่าชอบอะไรอยู่แล้ว ก็ลองไปอยู่สักที่ไกลๆ นอกจากจะได้ทำตัว ชิคๆ คูลๆ เที่ยวช่วงหน้าร้อน ถ่ายรูปโชว์ลงเฟสให้ชาวบ้านแอบอิจฉาเล่นๆแล้ว มันก็อาจจะทำให้เราหาตัวเองเจอก็ได้ ว่าสรุปเราเป็นเป็ดพันธุ์ไหน หรือจริงๆแล้วกูอาจจะเป็นไก่ก็ได้!!
ซึ่งช่วงนั้น เวลามีโครงการไปแลกเปลี่ยน ดูงานประเทศนั้นประเทศนี้ ผมสมัครไปลองหมดเลยครับ เพราะหลายๆทุนเค้าจะดูแลเรื่องค่าที่อยู่ที่พักให้ ส่วนใหญ่จะรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบินเอง ผมเลยถือว่า เอาวะ ขอให้ได้โดดขึ้นเครื่องบินแล้วบินนอกประเทศไปไหนกุไปหมดโว้ยยย
ซึ่งช่วงนั้น เวลามีโครงการไปแลกเปลี่ยน ดูงานประเทศนั้นประเทศนี้ ผมสมัครไปลองหมดเลยครับ เพราะหลายๆทุนเค้าจะดูแลเรื่องค่าที่อยู่ที่พักให้ ส่วนใหญ่จะรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบินเอง ผมเลยถือว่า เอาวะ ขอให้ได้โดดขึ้นเครื่องบินแล้วบินนอกประเทศไปไหนกุไปหมดโว้ยยย
หลังจากที่ผมได้เคยชิมลางที่ไต้หวัน
เป็นระยะเวลาสามเดือน โดยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหยวนหลิน(Yuanlin) จังหวัด
จางฮว่า (Changhwa) ผมก็พบว่า เอออ
อีประเทศที่มันเป็นเกาะเล็กๆ ฝนตกเกือบทั้งปี มีพายุเข้าทุกสัปดาห์นี้ เมื่อเทียบกับหลายๆประเทศที่เคยไปมาในเอเชีย
มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้ว่ะ!
รูปภาพใช้เพื่อประกอบโฆษณาเท่านั้นไม่เกี่ยวกับเนื้อหาแต่อย่างใด*
**หมายเหตุ**
บล็อคนี้ สำนวนภาษาไม่ได้มีการตรวจสอบตามหลักภาษาไทยก่อนที่จะมีการเขียน รวมถึงความเหมาะสมของเนื้อหาอาจจะมีส่วนที่เป็นอายุ 18+ ได้ สำหรับน้องๆที่อายุไม่ถึง ควรให้ผู้ปกครองมาช่วยอ่านแล้วช่วยโพสช่วยแชร์ เอ๊ยยยย ให้คำแนะนำด้วยจ้า
บล็อคนี้ สำนวนภาษาไม่ได้มีการตรวจสอบตามหลักภาษาไทยก่อนที่จะมีการเขียน รวมถึงความเหมาะสมของเนื้อหาอาจจะมีส่วนที่เป็นอายุ 18+ ได้ สำหรับน้องๆที่อายุไม่ถึง ควรให้ผู้ปกครองมาช่วยอ่านแล้วช่วยโพสช่วยแชร์ เอ๊ยยยย ให้คำแนะนำด้วยจ้า
Puipui Adventure :)
No comments:
Post a Comment