Wednesday, August 5, 2015

ตอนที่9 :ไต้หวันกับจักรยาน



จักรยานกับไต้หวัน
หลังจากที่ผมได้ย้ายตัวเองและเสื่อผืนหมอนใบเข้าสู่หอพักของมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ รวมถึงเริ่มปรับตัวและคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมโดยรอบของมหาวิทยาลัยแล้วนั้น ผมได้เห็นว่าประเทศนี้มีการใช้จักรยานกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งผมได้ทราบมาจากเพื่อนชาวไต้หวันทีหลังว่าอัตราการใช้รถจักรยานยนต์และจักรยานในประเทศนี้แทบจะเป็นรถยนต์1คันต่อ มอเตอร์ไซค์ 2 คันหรือเรียกได้ว่าทุกครัวเรือนต้องมีมอเตอร์ไซค์อย่างน้อยบ้านละ 1 คัน แม้ว่าราคารถยนต์ของที่ประเทศนี้จะถูกกว่าบ้านเราค่อนข้างมาก แต่ว่าเนื่องจากพื้นที่ของเกาะที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับสัดส่วนอัตราประชากรที่หนาแน่นแล้วนั้น ทำให้ค่าเช่าที่จอดรถยนต์แพงถึงขั้นทำชาวไต้หวันพากันส่ายหัว หลายๆคนถึงขั้นบอกว่า เงินซื้อรถน่ะ ไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ว่าค่าซ่อมบำรุงกับค่าจอดรถนี่ เค้าขอไม่สู้ดีกว่า เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่นี่ถึงนิยมที่จะขี่จักรยานกับมอเตอร์ไซค์มากกว่าการขับรถยนต์ครับ



 สำหรับในมหาวิทยาลัยประเทศนี้จะไม่มีการอนุญาตให้นักศึกษานำรถยนต์และจักรยานยนต์ไปใช้ภายในมหาวิทยาลัย โดยทางมหาวิทยาลัยจะมีการจัดที่จอดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ไว้ให้สำหรับนักศึกษา โดยนักศึกษานั้นต้องทำการจ่ายค่าจอดรถ ซึ่งสามารถชำระได้เป็นรายวัน หรือรายเทอมก็ได้ ทำให้ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยนั้น นักศึกษาและคณาจารย์นั้น ต้องใช้จักรยานในการเดินทางไปมาระหว่างคณะและอาคารเรียน ซึ่งแวบแรกที่ผมเห็น ผมคิดว่า โอ้วแม่เจ้า นี่มันเป็นสิ่งที่โคตรจะชิคและคูลสุดๆ!!! 

ซึ่งไอ้เราก็เคยเห็นแต่ในซี่รี่ส์หนังโรแมนติกจากโซนเอเชียตะวันออก อย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ที่มักจะมีฉากกุ๊งกิ๊งหนุงหนิงที่พระเอกปั่นจักรยานแล้วให้นางเอกซ้อนบ้าง หรือไม่ก็นางเอก ขึ้นยืนคร่อมจักรยานแล้วเกาะหลังพระเอกไปเรียนบ้าง นี่ยังไม่รวมฉากที่พระเอกกับนางเอกพบรักกัน เพราะว่าปั่นจักรยานมาชนกันบ้าง แอร๊ยยยย!!!! พอเราไปเห็น ไอ้เราก็อยากมีโมเม้นท์แบบนี้กับเค้าบ้าง (ขอยกเว้นปั่นจักรยานชน ถ้ารักใครชอบใครแล้วไปพุ่งชนรถเค้าหมด มันดูจะฮาร์ดคอร์เกินไป) ผมจึงต้องดำเนินการหาจักรยานมาปั่นกับเค้าบ้าง 
อ่าาห์ น้องสาวจะไปไหน เด๋วพี่ไปส่งนะครัช

 จากคำเล่าของรุ่นพี่คนไทยที่เรียนกันมา เค้าบอกว่าที่มหาวิทยาลัยนี้ ทุกปี เค้าจะมีการเก็บรวบรวมจักรยานที่ถูก นักศึกษาปล่อยทิ้งไว้ หลังจากที่จบการศึกษาออกไป นำไปเก็บรวมกันไว้ที่ คอก จักรยาน ซึ่งเป็น ศูนย์รวมจักรยานที่ถูกทอดทิ้งและไม่มีใครประกาศตัวเป็นเจ้าของ โดยในช่วงเปิดเทอมใหม่ทุกๆเทอม จะมีการเปิด คอก นี้เพื่อให้นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ ได้เข้าไปเลือก จับจอง และประกาศตัวเป็นเจ้าของใหม่ของจักรยานเหล่านี้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะมีบริการตัดโซ่คล้องของเจ้าของเก่าให้ เพื่อให้เจ้าของใหม่ได้เอาไปดามใจกันถ้วนหน้า  
ภาพบรรยากาศงานแจกจักรยานของมหาวิทยาลัยประจำปีการศึกษา

ด้วยโลจิกส่วนตัวที่คิดว่า คนส่วนใหญ่มาเรียนปริญญาตรีและโท อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลา 2-4ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น น่าจะมีแนวโน้มว่าจะซื้อจักรยานใหม่ใช้กัน เนื่องจากไม่ต้องมานั่งแก้ปัญหาจุกจิกจากจักรยานหลายมือ ผมจึงไปถึงที่คอกจักรยาน ค่อนข้างสาย พอไปถึงก็ได้เจอคัลเจอร์ช็อค เพราะมีคนต่อคิวอยู่เรือนร้อยครับ และแถมต่อคิวรอกันอย่างเป็นระเบียบอีกด้วย พอเวลาเปิดคอกปุ๊บนิ ผมอยากให้ทุกคนนึกถึงอารมณ์เหมือนในหนัง Walking dead ที่นักเรียนทุกคนเข้าไปรื้อทึ้งหาจักรยานที่ตัวเองเล็งไว้ตั้งแต่อยู่ข้างนอกคอกจักรยาน ดุจดังเหล่าซอมบี้ที่กระหายหาเลือด บางคนได้มาสองคันบ้างสามคันบ้าง แล้วแต่ความสามารถและระบบการทำงานแบบทีม บางคนได้จักรยานที่เป็นแรร์ไอเท็มของคอก เช่นเสือหมอบ ฟิกซ์เกียร์ หรือไม่ก็เฟรมยี่ห้อแพงๆต่างๆ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการแข่งขันที่ดูแล้วดุเดือดและมันส์มาก เพราะนอกจากต้องใช้ความเร็วแล้ว ความสามารถในการวิเคราะห์จักรยานยังถือว่าจำเป็นเป็นอย่างมาก สำหรับตัวผมซึ่งชอบขี่จักรยานตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่มีความรู้ในเรื่องของการซ่อมบำรุงเลย บวกกับมาสาย ผลสรุปคือ อดครับ เดินตัวเปล่ากลับหอไปตามระเบียบ
หลังจากวันสงครามจักรยานผ่านมา ผมจึงตัดสินใจได้ว่าควรซื้อจักรยานเป็นของตัวเอง เลยมาทำการบ้านว่ามีจักรยานอะไร ยี่ห้ออะไร ราคาเท่าไหร่ขายกันบ้าง โดยผมจะแบ่งคร่าวๆตามความคิดส่วนตัวดังนี้ครับ
จักรยานจีน
จักรยานประเภทนี้จะราคาค่อนข้างถูกโดยจะตกอยู่ที่ 1500NTD ไปจนถึง 3000NTD ขึ้นไป โดยรูปร่างหน้าตาของมันจะเหมือนจักรยานเสือภูเขาและจักรยานธรรมดาเหมือนที่บ้านเราใช้งานเช่นเดียวกันครับ
ออพชั่นครบ เกียร์พร้อม โช๊คพร้อม (พร้อมเจ๊งได้ทุกเวลา)

จักรยานแม่บ้าน
จักรยานประเภทนี้จะราคาอยู่ระดับปานกลางและมีหลายยี่ห้อตั้งแต่เมดอินไชน่า 2000NTD ไปจนถึงราคาตัวแรงกับแบรนด์สุดดังของไต้หวันอย่าง Giant เลยก็มี ซึ่งจักรยานประเภทนี้น้ำหนักจะเยอะกว่าจักรยานแบบอื่นๆ แต่ลักษณะการนั่งและการใช้งานค่อนข้างจะสะดวกสบายและอเนกประสงค์กว่าทุกแบบ (บางรุ่นมีเบาะสำหรับให้คุณลูกนั่งด้วยนะเอ้อ)
จักรยานสุดยอดแห่งความอเนกประสงค์ ขนได้ตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ

จักรยานพับ
จักรยานประเภทนี้ถือว่าเป็นจักรยานที่คุ้มทุนที่สุดสำหรับคนที่ชีพจนลงเท้าหรือมีอันต้องเดินทางบ่อยๆ เพราะจากชื่อของมันซึ่งเอาไว้พับ ไม่ได้เอาไว้ขี่นั่นเอง (เอ๊ยยยยย) มีข้อดีที่น้ำหนักเบา และเวลาเดินทางไปยังที่อื่นๆที่ต้องใช้รถไฟ หรือรถไฟฟ้า จะมีปัญหาที่น้อยกว่าจักรยานประเภทอื่น แต่ก็ทำให้ราคาของมันแอบแรว๊งส์ เช่นเดียวกันครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มกันที่ 2500NTD-3000NTD เป็นต้นไปจ้า
ขนง่าย พับไว พกสะดวก แต่ไม่หล่อเท่าใครเขา


จักรยานหล่อ
แค่ชื่อก็พอจะเดาได้แล้วว่าในที่นี้ผมหมายถึง จักรยานทางเรียบ อย่างเสือหมอบ จักรยานขาลุยอย่างเสือภูเขา และจักรยานขาแนว ฟิกซ์เกียร์ นั่นเองครับ ซึ่งประเทศไต้หวันนั้น มียี่ห้อจักรยานดังระดับโลกที่ใช้ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการหลายรายการ และรู้จักกันดีนั่นคือ ยี่ห้อ Giant และ Merida โดยจักรยานยี่ห้อดังเหล่านี้มีฐานการผลิต อยู่ที่เมือง ไถจง (Taichung) เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศไต้หวันและเมืองจางฮว่าซึ่งเป็นฐานการผลิตให้กับจักรยานและจักรยานยนต์ยี่ห้อดังจำนวนมาก โดยราคาของสองยี่ห้อนี้สามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้ ด้วยราคาเริ่มต้นที่5000NTD ไปกันจนถึงระดับเงินแสนเลยทีเดียวครับ สำหรับฟิกซ์เกียร์นั้น มีตั้งแต่ยี่ห้อที่นำเข้ามาจากแผ่นดินใหญ่และผลิตในประเทศ หรือสามารถสั่งผลิตเองก็ได้โดยขึ้นอยู่กับทางร้านโดยมีราคาให้เลือกซื้อตั้งแต่ 3000NTD เป็นต้นไปเช่นเดียวกันครับ
สุดยอดตัวหล่อพันธุ์แรง ราคาก็แรงตามไปด้วย

                ทางรัฐบาลไต้หวันนั้นได้เห็นว่าไหนๆบริษัทในประเทศได้ขึ้นแท่นเป็นเซเลบในเรื่องของจักรยานแล้ว จึงเห็นว่าถ้าประชาชนของตัวเองมีการนำจักรยานมาใช้กันมากขึ้น นอกจากจะลดปัญหาเรื่องมลภาวะ รถติด และ เรื่องสุขภาพของชาวเมืองแล้ว ยังเป็นการโปรโมทประเทศของตัวเองให้เป็นประเทศรักจักรยานและโปรโมทการท่องเที่ยวไปในตัวอีกด้วย ทางรัฐบาลไต้หวันจึงได้ทุ่มงบประมาณหลายล้านเหรียฐดอลล่าร์ไต้หวันในการเนรมิตทางจักรยานขึ้นมาทั่วประเทศ เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนหันมาใช้จักรยานในการเดินทางและท่องเที่ยวในวันหยุดกันมากขึ้น ซึ่งหลังจากที่ผมได้ทำการบ้านจากร้านรอบๆมหาวิทยาลัยรวมไปถึงห้างสรรพสินค้า ท้องถิ่น แล้วหันมาดูเงินในกระเป๋าแล้ว ผมจึงทำการสอย จักรยานจีนมา 1 คันถ้วนครับผม เพราะนอกเหนือจากเรื่องราคาแล้ว จักรยานนักศึกษาทุกคันจะต้องไปจอดตากแดดตามลมตากฝน ผมจึงเห็นว่าถ้า กู้หนี้ยืมสินมาซื้อ อีกหน่อยคงได้ขนกองสนิมกลับบ้านแหงๆ 55555

Highlight Summary:
- คนไหนที่จะไปเรียนเมืองเล็กๆที่ระบบขนส่งไม่ได้เอื้ออำนวยนัก หากมีงบน้อยซื้อจักรยานงบมากซื้อมอไซค์
- หลายๆเมืองตอนนี้มีจักรยานสาธารณะ ubike ให้ใช้กันแล้ว อาจจะไม่ต้องซื้อเหมือนเมื่อก่อน
- หลายๆมหาวิทยาลัยใหญ่ๆจะมีวันเปิดคอก bike day สามารถไปไล่ล่าหาจักรยานฟรี แล้วเอาไปซ่อมนิดหน่อยใช้ได้เหมือนกัน ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
- ไต้หวันเป็นประเทศที่สนับสนุนทางด้านจักรยานค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับหลายๆประเทศในเอเชีย
ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ไปลองปั่น bikeway ของเค้าดู รับรองติดใจ


Credit: ขอขอบคุณข้อมูลและรูปประกอบจาก Google และจากกล้องตัวเองบ้างอะไรบ้าง

ตามไปดูชีวิตไร้สาระประจำวันของคนเขียนได้ที่ Instragram: @puipuiiadventure