กริ๊งงงงงงงงงงงง
แปดโมงเช้า จันทร์ที่ xxx กันยายน 2012
เป็นวันแรกที่ต้องกลับเข้าสู่ห้องเรียนอีกครั้ง
หลังจากที่ห่างหายจากชีวิตนักศึกษาไปพักใหญ่ๆ
ใช่แล้วครับ วันนี้เป็นวันแรกที่จะต้องไปเข้าพิธี
(จะเรียกว่าพิธีก็ไม่ถูก เหมือนเป็นแนะแนวการเข้าเรียนมากกว่า) ซึ่งปกติแล้วจะเป็นวันทีทางคณะจะเรียกนักศึกษาหน้าใหม่มาทำความรู้จักกับตัวคณะ
และสิ่งต่างๆที่จะต้องเตรียมและดำเนินการเพื่อเข้าเป็นนักศึกษาของคณะอย่างเต็มตัว
โดยเมื่อไปถึงส่วนใหญ่จะแบ่งช่วงประมาณนี้
1. แนะนำคณะ คณาจารย์และบุคลากรของคณะ
ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราจะต้องเริ่มทำตัวเป็นโคนัน และสังเกตว่าอาจารย์คนไหนสอนเกี่ยวกับด้านอะไร
เพราะว่าเราจะได้เลือกลงวิชากับอาจารย์คนนั้นๆได้ถูกและขอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเวลาทำวิทยานิพนธ์ได้
(ถ้าอยากได้อาจารย์คนไหนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมแนะนำให้ไปลงตัวของเค้าเยอะๆจะได้สนิทกันมากขึ้น)
ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราจะต้องเริ่มทำตัวเป็นโคนัน และสังเกตว่าอาจารย์คนไหนสอนเกี่ยวกับด้านอะไร
เพราะว่าเราจะได้เลือกลงวิชากับอาจารย์คนนั้นๆได้ถูกและขอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเวลาทำวิทยานิพนธ์ได้
(ถ้าอยากได้อาจารย์คนไหนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมแนะนำให้ไปลงตัวของเค้าเยอะๆจะได้สนิทกันมากขึ้น)
2. คอร์สการเรียน ตัวจำเป็นที่จะต้องลงและขั้นตอนในการเรียนและสอบจบ
*แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีขั้นตอนบางขั้นที่ต่างกันออกไปครับ*
- ช่วงจากประสบการณ์ตรง
2.1ทางคณะจะมีเปิดวิชาให้เรียนแบ่งเป็น Core course และ Elective course
ซึ่งเราจะต้องลง Core Course ให้ครบตามจำนวนที่ทางคณะกำหนดไม่งั้นจะไม่สามารถทำวิทยานิพนธ์ได้
2.2 แนะนำให้อัดตัวเรียนให้หมดภายในเทอมแรกๆเพราะถ้าดวงดีเทอมสุดท้ายอาจจะไม่ต้องมีเรียนเลย
ทำให้มีเวลาเที่ยว ทำวิทยานิพนธ์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งบางคณะเค้าจะต้องมีการพิจารณาเกรดจากเทอมแรกเพื่อที่จะอนุมัติให้ลง
ได้เกินกำหนดปกติได้ในเทอมสอง เพราะฉะนั้นอาจจะต้องตั้งใจเรียนกันหน่อย
*แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีขั้นตอนบางขั้นที่ต่างกันออกไปครับ*
- ช่วงจากประสบการณ์ตรง
2.1ทางคณะจะมีเปิดวิชาให้เรียนแบ่งเป็น Core course และ Elective course
ซึ่งเราจะต้องลง Core Course ให้ครบตามจำนวนที่ทางคณะกำหนดไม่งั้นจะไม่สามารถทำวิทยานิพนธ์ได้
2.2 แนะนำให้อัดตัวเรียนให้หมดภายในเทอมแรกๆเพราะถ้าดวงดีเทอมสุดท้ายอาจจะไม่ต้องมีเรียนเลย
ทำให้มีเวลา
ได้เกินกำหนดปกติได้ในเทอมสอง เพราะฉะนั้นอาจจะต้องตั้งใจเรียนกันหน่อย
3. แนะนำตัว น.ศ. แต่ละคนแบบสั้นๆ
หากใครมีชื่อภาษาไทยที่อ่านยากหรือว่าดูแล้วไม่คิดว่าชื่อตัวเองเป็นมงคลแต่ไม่อยากเปลี่ยนชื่อ ขอแนะนำให้ทำการเบิ้ลชื่อครับ มันจะกลายเป็นชื่อขึ้นมาได้โดยทันทีอย่างผมชื่อเล่นชื่อปุ้ย แล้วด้วยความจนปัญญาไม่รู้จะเอาชื่ออะไรดีเลยเบิ้ลเป็น Puipuii ไปเลย
เพราะว่าบางทีชื่อคนไทยที่มีคำเดียวเพื่อนชาวต่างชาติอาจจะงงว่ามันเปนชื่อเล่นยังไงครับ หรือว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่ออังกฤษไปเลยก็ได้เพื่อความเข้าใจตรงกัน
หากใครมีชื่อภาษาไทยที่อ่านยากหรือว่าดูแล้วไม่คิดว่าชื่อตัวเองเป็นมงคลแต่ไม่อยากเปลี่ยนชื่อ ขอแนะนำให้ทำการเบิ้ลชื่อครับ มันจะกลายเป็นชื่อขึ้นมาได้โดยทันทีอย่างผมชื่อเล่นชื่อปุ้ย แล้วด้วยความจนปัญญาไม่รู้จะเอาชื่ออะไรดีเลยเบิ้ลเป็น Puipuii ไปเลย
เพราะว่าบางทีชื่อคนไทยที่มีคำเดียวเพื่อนชาวต่างชาติอาจจะงงว่ามันเปนชื่อเล่นยังไงครับ หรือว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่ออังกฤษไปเลยก็ได้เพื่อความเข้าใจตรงกัน
4. แนะนำสวัสดิการและการติดต่อกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง (ห้องสมุด, ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์, ฯลฯ)
หลักๆจะเป็นช่วงแนะนำว่าเราสามารถใช้อะไรของมหาวิทยาลัยได้บ้าง และเวลามีปัญหาในด้านการใช้ชีวิตหรือด้านไหนจะต้องติดต่อใครก่อน ปกติแล้วส่วนตัวถ้ามีปัญหาที่เกี่ยวกับการเรียนจะไปที่ฝ่ายดูแลนักศึกษาในคณะ แต่ถ้าเป็นด้านสวัสดิการหรือเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนผมจะไปที่ OIA เพราะว่าทางนั้นจะมีบุคลากรที่ช่วยสื่อสารแทนเราได้ครับ
5. การทำเอกสารต่างๆ (ขึ้นทะเบียน นักศึกษา ทำบัตร ARC ทำบัตรประกันสุขภาพ)
โดยในคราวนี้ผมจะขออธิบายถึงในส่วนของการทำเอกสารต่างๆแทน
อย่างแรกเลย
สิ่งที่นักศึกษาใหม่จะต้องมีติดตัวอยู่ตลอดเวลาในช่วงแรกที่มาเรียน ชนิดที่ว่าห้ามหายคือ
1. หนังสือเดินทาง
เพราะว่าเรายังไม่มีบัตร Alien Residence Visa Card (ARC)
(เดี๋ยวจะอธิบายต่อด้านล่างนะครัช)
ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องมีหนังสือเดินทางติดตัวทุกครั้งเวลาที่จะต้องมีการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐหรือมหาวิทยาลัย
แนะนำให้ทำสำเนาเก็บไว้จำนวนหนึ่ง เผื่อกรณีที่สูญหาย
2. เอกสารยืนยันการเข้าเรียน
จะเป็นกระดาษขนาด A4 ที่ระบุรายละเอียดการตอบรับการเข้าเรียนของเรา
ซึ่งจะมีตรามหาวิทยาลัยตัวโตๆ (เหมือนลายน้ำ)แปะอยู่
เป็นหนังสือที่จะยืนยันว่าเราเป็นนักศึกษาของมหาลัยก่อนที่เราจะได้รับบัตรประจำตัวนักศึกษา
ซึ่งในบางกรณี เอกสารตัวนี้อาจจะต้องถูกถามถึงบ้างเป็นบางครั้ง
โดยเอกสารทั้งสองตัวนี้
ขอย้ำเลยว่าจะต้องกำไว้ให้แน่นตลอดช่วงแรกที่เริ่มใช้ชีวิตในไต้หวัน
จนกว่าที่เราจะได้ทั้งบัตร ARC และบัตรประกันสุขภาพ National Health
Insurance (NHI)
หลายคนอาจจะเคยได้ยินจากรุ่นพี่ ศิษย์เก่า
หรือคนที่เคยไปอยู่ที่ไต้หวันกันมาบ้างสำหรับเจ้าบัตรทั้งสองประเภทนี้
เราจะมาทำความรู้จักกันว่า
เจ้าบัตรสองประเภทนี้คืออะไรแล้วมันมีความสำคัญกับชีวิตของเราในไต้หวันกันยังไงบ้าง
บัตร Alien Residence Visa Card (ARC)
เจ้าบัตรนี้เปรียบเสมือนกับบัตรประจำตัวประชาชนของเราตลอดระยะเวลาที่เราพำนักอยู่ในไต้หวัน
โดยในบัตรจะมีรายละเอียดข้อมูลของเราทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน (ชื่อ
ที่อยู่ ประเทศ และหมายเลขบัตรประจำตัวคนต่างชาติในไต้หวัน)
โดยเราจะต้องแสดงบัตรนี้ ทุกครั้งพร้อมหนังสือเดินทางเวลาเดินทางออกนอกประเทศ
หรือเดินทางกลับไต้หวันให้แก่เจ้าหน้าที่เช็คอิน
หรือแม้กระทั่งไปเที่ยวสถานเริงรมย์ยามราตรี(ผับ บาร์)
เราจะต้องเอาบัตรนี้โชว์ให้การ์ดทุกครั้ง ว่าเราสามารถเข้าได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นบัตรที่ “ห้ามหาย” เป็นอันขาด
หน้าตาของบัตร ARC (ของปลอมนะจ๊ะ เพนกวินทำไม่ได้ฮะ) |
แล้วเจ้าบัตรนี้ทำยังไง
สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติเป็นจำนวนมาก
จะมีวันนึงที่เค้าจะนัดหมายเจ้าหน้าที่จาก immigration office มาช่วยทำบัตรให้แก่นักศึกษา
โดยเราจะต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ไปด้วย
1. หนังสือเดินทางตัวจริงพร้อมวีซ่าเดินทางเข้าไต้หวันครั้งแรก + สำเนา
2. รูปถ่ายหัวโต ขนาดประมาณวีซ่า
สามารถสอบถามได้จากร้านถ่ายรูปบริเวณมหาลัยเพื่อให้เค้าถ่ายให้เราได้ก่อน
ไปที่ร้านบอกเค้าว่าอยากได้แบบหัวโต (大頭-ต้าโถว) บอกเค้าไปเลยว่าเอามา 6 รูป พอถ่ายเสร็จเค้าจะนัดเรามาเอาอีกที
บางร้านตอนไปรับเค้าจะแถมซีดีให้ด้วยเผื่อให้เราเอาไปอัดที่อื่น (ผมใช้ซีดีแผ่นนั้นจนถึงทุกวันนี้)
ไปที่ร้านบอกเค้าว่าอยากได้แบบหัวโต (大頭-ต้าโถว) บอกเค้าไปเลยว่าเอามา 6 รูป พอถ่ายเสร็จเค้าจะนัดเรามาเอาอีกที
บางร้านตอนไปรับเค้าจะแถมซีดีให้ด้วยเผื่อให้เราเอาไปอัดที่อื่น (ผมใช้ซีดีแผ่นนั้นจนถึงทุกวันนี้)
3. หนังสือรับรองการเข้าเป็นนักศึกษามหาลัยจากทางมหาวิทยาลัย
(บอกแล้วอันนี้ห้ามหาย อย่างน้อยๆต้องมีตัวสำเนาเก็บไว้ด้วย)
4. หนังสือรับรองการตรวจสุขภาพ(ใบรับรองสุขภาพ)
*สำคัญ*
หมายเหตุไว้ตัวโตๆเลย
ตัวนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดและเสียเวลามากที่สุดในขั้นตอนทั้งมวล
คือไอ้เจ้าใบนี้จะเป็นตัวยืนยันสุขภาพของเราตามระเบียบการของรัฐบาลไต้หวัน
โดยที่เราจะต้องทำการตรวจโรคตามระเบียบการที่เค้าต้องการ –ทั้งหมด-
และจะสามารถตรวจได้ตามโรงพยาบาลต่อไปนี้เท่านั้น
และที่สำคัญคือใบนี้จะต้องมีอายุไม่เกิน 3 เดือน
1. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
2. โรงพยาบาลศิริราช
3. โรงพยาบาลราชวิถี
4. โรงพยาบาลรามาธิบดี
5. โรงพยาบาลมหาราช
5. โรงพยาบาลมหาราช
6. โรงพยาบาลลำปาง
ถ้าจำไม่ผิดจะเรียกว่าการตรวจสุขภาพแผน B ซึ่งเราจะต้องทำการตรวจแบบละเอียดรวมถึงได้ฟิล์มกับสมุดเล่มเล็กๆสีเหลืองมาด้วย
ขอให้เอาเอกสารพวกนั้นมาด้วยฮะ
(ส่วนตัวผมไปทำที่โรงพยาบาลลำปางมาครับ)
****ซึ่งบัตรนี้จำเป็นต่อการเปิดบัญชีธนาคารหลังจากที่ได้บัตรมาแล้ว****
****ซึ่งบัตรนี้จำเป็นต่อการเปิดบัญชีธนาคารหลังจากที่ได้บัตรมาแล้ว****
หลังจากที่ดำเนินการกับบัตร ARC ยังมีอีกบัตรหนึ่งที่เราต้องมีติดตัวไว้ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในไต้หวันนั่นก็คือ
บัตร National Health Insurance (NHI)
ซึ่งเจ้าบัตรตัวนี้เหมือนเป็นบัตรทองของเราในทุกกรณีที่เราต้องไปข้องเกี่ยวกับ
หมอๆพยาบาลๆและหยูกยาทั้งหลายครับ
บัตร NHI จะเป็นบัตรที่เก็บข้อมูลทุกอย่างด้านสุขภาพของเราไว้และรวมไปถึงการรับสวัสดิการจากทางภาครัฐทั้งหมดด้วย
เราจะต้องมีติดตัวทุกครั้งเวลาที่ไปหาหมอ รับการตรวจ หรือขั้นตอนการจ่ายยา
ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาไปรักษาโรคไข้หวัดที่นี่ ถ้าหากไม่มีบัตร NHI ไปด้วยอาจจะต้องเสียค่าหมอรวมถึงยาสูงกว่าการใช้บัตร
โดยระบบการรักษาของที่นี่จะเป็น one
stop service คลินิก คือ รับบัตรคิวและลงทะเบียน ตรวจ แล้วจ่ายยาเลยฮะ แต่ถ้าเรามีบัตรนี้
รวมค่าตรวจและค่ายาแล้วอาจจะไม่ถึง 300ntd ก็เป็นได้
หน้าตาของบัตร National Health Insurance หรือรู้จักกันดีในชื่อ NHI |
สำหรับวิธีการทำบัตร NHI นั้นทางมหาวิทยาลัย (หน่วยนิเทศ Office of
International Affair OIA) จะมีการนัดนักศึกษาต่างชาติพร้อมกันและให้บุคลากรจากโรงพยาบาลมาให้บริการตรวจเช็คและทำบัตรให้
(สำหรับมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ) ซึ่งเราต้องเตรียมเอกสารไปตามที่ทางนั้นแจ้งมา
ซึ่งโดยหลักๆแล้ว
อย่าลืมนำใบตรวจสุขภาพที่เคยตรวจตอนอยู่ไทยไปด้วยก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ
รายละเอียดในส่วนของบัตรประจำตัวที่นักศึกษาจะต้องมีและเตรียมตัวก็จะประมาณนี้
ซึ่งอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัยอีกทีครับผม
Highlight Summary:
- วันเข้าเรียนวันแรกและ Orientation ไม่ควรพลาดที่จะเข้าเพราะว่าอาจจะพลาดข้อมูลสำคัญๆหลายอย่าง
- พยายามจำอาจารย์และโครงสร้างหลักสูตร การลงตัวเรียนให้ได้ เพราะว่าเลือกอาจารย์ได้ก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง
- เอกสารทุกอย่างที่เค้าให้มาจากเมืองไทย ห้ามหาย และเตรียมเอกสารจำเป็นที่เคยรับรองเอาตัวจริงมาด้วย
- บัตร ARC เป็นบัตรประชาชนของเราที่นี่ ห้ามหาย ห้ามปล่อยให้หมดอายุ ส่วนบัตร NHI มีค่าดั่งทองเพราะ
จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเวลาเราไม่สบาย หรือขูดหินปูนได้แบบแทบจะทำฟรี
ตามไปดูชีวิตไร้สาระประจำวันของคนเขียนได้ที่ Instragram: @puipuiiadventure